บทที่ 5 ตอนที่ 5 ตัดสินใจ

"กลับบ้านถูกด้วยเหรอคะคุณก้อย"

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เสียงจิกกัดก็ดังมาเข้าหู      พสิกาถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

"คุณพ่อรออยู่ค่ะ"

นอกจากลูกสาวแล้ว แม่ก็ยังวุ่นวายกับเธอไม่เลิก เกศิณีบอกให้เธอรับรู้ว่า เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ เพราะประมุขของบ้านรอคุยกับเธออยู่ เกศิณีกับเกศิราสองแม่ลูกที่ทำตัวไม่ต่างอะไรกับกาฝาก นอกจากจะมาเกาะพ่อเธอแล้ว สองแม่ลูกนี้ยัง      หาเรื่องเธอทุกวัน และพ่อของเธอก็เป็นไปกับแม่ลูกคู่นี้ด้วย      ไม่ว่าสองคนนี้จะพูดอะไร พ่อเธอก็เห็นดีเห็นงามไปหมด        ทุกอย่าง สาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้าน ส่วนหนึ่งก็มาจาก      คนพวกนี้

"กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมหน้าซีดจังเลย ไม่สบาย      หรือเปล่า" คำถามจากแม่นมที่เดินมารับหน้า ทำให้พสิกายิ้มออกมาได้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในบ้านหลังนี้

"ก้อยไม่เป็นอะไรค่ะนม คิดถึงจังเลย" ร่างบางสวมกอดหญิงสูงวัยอย่างแสนรัก

"นอนที่ร้านเหรอคะ นมโทร. หาก็ไม่รับสาย นมเป็นห่วงมากเลยรู้ไหมคะ" นมชื่นยังคงตัดพ้อ เพราะตั้งแต่เมื่อวาน     หญิงสาวก็ไม่รับโทรศัพท์เลย โทร. ไปที่ร้านก็ไม่มีคนรับสาย คำถามของหญิงสูงวัยทำให้พสิกาหนักใจ เธอไม่อยากโกหก

"อย่ามัวอ้อนกันอยู่เลย คุณพ่อรออยู่ค่ะ"

เกศิราเอ่ยย้ำ เมื่อรู้สึกหมั่นไส้กับการกระทำของพสิกา     ที่อ้อนนมชื่นเพราะอยากให้แม่นมไปรับหน้าแทน

"กลับมาเหนื่อย ๆ อยากกินอะไรไหมคะ นมจะทำให้"

นมชื่นไม่สนใจคำพูดของเกศิรา ยังคงชวนคุณหนูของนางคุยด้วยความห่วงใย

"ขอข้าวต้มกุ้งค่ะนม ก้อยไปพบคุณพ่อก่อนนะคะ"

พูดพร้อมกับเดินจากไป แต่ต้องหยุดชะงักเท้าที่ก้าวเดิน เมื่อแม่นมเรียกเอาไว้

"มือไปโดนอะไรมาคะนั่น"

พูดพร้อมกับเดินเข้ามาจับมือบางเอาไว้ แล้วยกขึ้นดูด้วยความห่วงใย พสิกาใจหาย เธอประมาทเองที่ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ แม่นมเป็นคนช่างสังเกต อะไรที่เกี่ยวกับเธอ นางมักจะใส่ใจเสมอ

"ก้อยไม่เป็นอะไรค่ะ" ตอบพร้อมกับดึงมือออก แต่ถูกมือ   ที่เหี่ยวย่นจับยึดข้อมือเอาไว้

"ไม่สบายเหรอคะ แล้วทำไมไม่บอก โธ่... คุณหนูของนม"

มือของหญิงชราลูบลงบนหลังมือบาง ที่มีรอยเข็มน้ำเกลืออย่างอ่อนโยน คนแก่แทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูของนางไม่ได้นอนค้างที่ร้านอย่างที่นางเข้าใจ กี่วันแล้วที่คุณหนูไม่สบาย ถ้ามีร่องรอยกลับมาขนาดนี้ ก็คงต้องนอนโรงพยาบาลแน่นอน

"ทำไมไม่โทร. บอกนมคะ แล้วใครอยู่เป็นเพื่อน ไม่ทำ  แบบนี้แล้วนะคะ ต่อไปถ้าไม่สบายหรือเจ็บตรงไหน ต้องรีบบอกนมนะคะคนดี"

คำพูดของแม่นมที่เปรียบเสมือนแม่ตัวเอง ทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอจะอ่อนแอให้คนอื่นเห็นไม่ได้ โดยเฉพาะนมชื่น ถ้าแม่นมรู้ว่าเธอเหนื่อย นางก็จะยิ่งเป็นห่วง

"ก้อยแค่รู้สึกเพลีย ๆ น่ะค่ะ ถ้าได้ข้าวต้มกุ้งถ้วยโต ๆ คงมีพลัง" มือบางปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะฝืนยิ้มแล้ว กอดคนแก่ไว้แน่นอย่างประจบประแจง เพราะไม่อยากให้แม่นมไม่สบายใจ

"ดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่าทำงานหนัก ไปพบคุณพ่อเถอะค่ะ เดี๋ยวนมทำข้าวต้มถ้วยโต ๆ ให้"

พสิกาหอมแก้มแม่นม ก่อนจะเดินแยกเข้าไปในบ้าน

เกศิรายิ้มอย่างสะใจเมื่อเดินตามหญิงสาวเข้ามา งานนี้พสิกาน่าจะโดนหนัก เพราะคุณมาโนชย์โมโหตั้งแต่เมื่อวาน

"สมน้ำหน้า" พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพร้อมกับเดินตามเข้ามาดูเหตุการณ์ พสิกาคงโดนดุไม่น้อย

"คุณพ่อเรียกก้อยมีอะไรหรือเปล่าคะ"

ถามบิดาเมื่อพาตัวเองเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ที่คุณ     มาโนชย์นั่งอยู่ ตาของผู้สูงวัยอ่อนแสงลงเมื่อเห็นใบหน้าที่      ซีดเซียวของลูก อารมณ์กรุ่นโกรธที่ถูกสองแม่ลูกยุแยงเบาลง เมื่อเพ่งมองลูกสาวเต็มสองตา พสิกาซูบลงไปเยอะโดยเฉพาะใบหน้าที่ตอนนี้แก้มตอบลงอย่างเห็นได้ชัด คุณมาโนชย์       ถอนหายใจออกมา เรื่องที่ลูกสาวทำงานหนักเพื่อหาเงินมา      ใช้หนี้แทน ทำไมท่านจะไม่รู้... ถ้าพสิกาทำตามที่ท่านแนะนำ    ก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้ เพื่อนฝูงของเขาหลายคนต้องการ     ดูแลเธอ แต่พสิกากลับดื้อรั้นหาเรื่องให้ตัวเองลำบาก ถ้าตกลงแต่งงานกับคนที่ท่านหาให้ ป่านนี้ก็คงสบายกันทั้งบ้าน ไม่ต้องทำงานตัวเป็นเกรียวแบบนี้หรอก

"นั่งก่อนสิ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"

ตากลมโตไหววูบเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของคนเป็นพ่อ เรื่องที่พ่อจะคุยก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ และสุดท้ายก็ไม่พ้นทะเลาะกัน และเธอก็ถูกสองแม่ลูกนั่นเยาะเย้ยที่ถูกพ่อลงโทษ เพราะทำให้ท่านโมโห

"พูดธุระของคุณพ่อมาเลยค่ะก้อยฟังอยู่" บอกทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

"อีก 3 วันจะมีงานเลี้ยงที่บริษัทหุ้นส่วนพ่อ พ่ออยากให้ก้อย... " คำพูดที่เหลือค้างไว้แค่ริมฝีปากเมื่อพสิกาแทรกขึ้น

"กี่โมงคะ งานเริ่มกี่โมง" หญิงสาวถามกลับ เมื่อเข้าใจแล้วว่าธุระของพ่อคืออะไร คุณมาโนชย์มองหน้าลูกสาวอย่างไม่เชื่อสายตาในตอนแรก ก่อนจะเปิดยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อครั้งนี้   ลูกไม่ขัดขืนหรือถามอะไรให้มากความ พสิกาคงรู้แล้วว่าต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนก็หาเงินมาไม่พอใช้หนี้ พ่ออย่างเขาก็ต้อง     ดีใจ เมื่อลูกมีสมองมากขึ้น มีอีกตั้งหลายวิธีที่ได้เงินครั้งละ      มาก ๆ โดยที่ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย ถ้าพสิกาฉลาดแบบนี้ตั้งแต่แรก ป่านนี้ก็กลายเป็นคุณนายไปแล้ว

"กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนเถอะ รายละเอียดของงานเดี๋ยวพ่อจะบอกอีกที คุณเกษดูแลลูกด้วยนะ"

สิ้นเสียงประมุขของบ้าน สองแม่ลูกหันมามองหน้ากัน โดยเฉพาะเกศิราที่งงกับคำสนทนาของพ่อลูก จนคิ้วแทบจะ   ชนกัน วันนี้พสิกายอมคุณมาโนชย์อย่างง่ายดาย แถมคุณ      มาโนชย์ยังทำท่าทางเอ็นดูหญิงสาวจนออกนอกหน้าอีกด้วย

"เป็นแบบนี้ได้ยังไงคะแม่ นางก้อยมันบ้าไปแล้วเหรอ"

ถามมารดาด้วยความร้อนรน

"นั่นน่ะสิ แม่นึกว่าวันนี้มันคงโดนตบสักฉาด"

"ศิว่ามันคงเหนื่อยที่ทำงานหนัก แม่ดูมันสิคะเหมือนผีดิบเข้าไปทุกวัน"

"ก็ดีแล้วไง ให้มันได้ผัวรวย ๆ เราจะได้สบาย ว่าแต่แกเถอะยายศิ ผู้ชายที่แกชอบพอนะ ตกลงรวยใช่ไหม"

"รวยสิคะแม่ คุณดิวเขาเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์นะคะ แม่สบายใจเถอะค่ะ ศิหาได้ดีกว่านางก้อยแน่นอน"

เกศิราประกาศพร้อมกับทำตาเคลิ้มฝัน เมื่อนึกถึง     ใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคน ที่บังเอิญเจอกันในผับ         เมื่อหลายคืนก่อน

‘ปภังกร อารยางกูล' ชื่อนี้ทำให้เธอฝันถึงทุกคืน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป